หอการค้าโพล คาดเงินสะพัดเปิดเทอมปี 66 สูงสุดรอบ 14 ปี แตะ 5.7 หมื่นลบ.

ต้นสายปลายเหตุของการใช้จ่ายที่มากขึ้น สำคัญๆมาจากราคาผลิตภัณฑ์ที่แพงขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ ”ดังนี้ พบว่าผู้ดูแล 36.5% กล่าวว่า มีเงินน้อยเกินไปใช้จ่ายในตอนเปิดเทอม ก็เลยมีการถอนเงินจากบัตรเครดิต/ บัตรกดเงินสดมากเพิ่มขึ้น รองลงมา เป็นจำนองเงินทอง กู้ยืมเงินในระบบ และก็ยืมพี่น้อง เป็นลำดับ ในส่วนของคนที่ตอบว่าเงินมีพอเพียงใช้จ่าย อยู่ที่ 63.5% หรือสูงสุดตั้งแต่แมื่อปี 59 เป็นต้นมา“36.5% ที่กล่าวว่าเงินน้อยเกินไป ได้มีการกู้หนี้ยืมสินในระบบรวมทั้งนอกระบบ ซึ่งนอกระบบมีโดยประมาณ 7% ซึ่งจัดว่าไม่มากมาย ดังนี้ มิได้คิดว่าเศรษฐกิจไม่ดี หรือจะแปลงเป็นปัญหาเพิ่มหนี้ในระยะยาว เพราะเหตุว่าเป็นเพียงแค่การหมุนเวียนเงินในตอน 2-3 เดือนแค่นั้น แล้วก็รูปทรงผู้ดูแลที่ตอบว่ามีเงินไม่พอ จัดว่าต่ำสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ปี 59”

การใช้จ่ายฟื้นตัว 16

รัฐบาลใหม่มีภาระหน้าที่เชิงเศรษฐกิจสำคัญ 3 ใจความสำคัญหมายถึง

ข่าวเศรษฐกิจ 1. ทำให้เศรษฐกิจฟื้นในเวลาอันเร็ว 2. เพิ่มความรู้ความเข้าใจสำหรับในการชิงชัยของเศรษฐกิจแล้วก็สังคมไทย รวมทั้ง 3. ทำให้เมืองไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ลดความแตกต่าง กระจัดกระจายรายได้ แล้วก็ทำให้คนมีรายได้มากขึ้น ด้วยเหตุ เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจสำหรับในการชิงชัย ช่วงเวลาเดียวกันเมืองไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมคนวัยแก่ หรือจะมีผู้เสียภาษีลดลง ก็เลยจะต้องเพิ่มความถนัดแรงงานโดยเร่งด่วน ด้วยการแก้ไขระบบการเล่าเรียน พบว่า เมืองไทยมีสมรรถภาพสำหรับเพื่อการแข่งในระดับปานกลาง โดยจุดที่มีความเปราะบางสูงหมายถึงส่วนประกอบเบื้องต้น ระบบการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ และก็คุณภาพของแรงงาน ซึ่งใจความสำคัญหัวข้อการศึกษาเล่าเรียน เป็นการตอบปัญหาปัญหาในระยะปานกลาง-ระยะยาว

แนะนำข่าวเศรษฐกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย :  โฟร์ท นฤมล วิจังกูร นั่งเก้าอี้ผู้บริหารแห่งซิตี้แบงก์ ทำธุรกิจที่ไม่เคยรู้มาก่อน

ค่าไฟแพง! เช็ก 12 หุ้นโรงไฟฟ้า โตขึ้นแค่ไหนจากวันเข้าตลาดฯ

“ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง” ที่เปลี่ยนเป็นใจความสำคัญฮอตที่สุดในระยะเวลานี้ หุ้นกรุ๊ปที่ได้รับผลจากการบวกอาจจะหนีไม่พ้น หุ้นกรุ๊ปโรงไฟฟ้า

ปัญหาค่าไฟแพง 21

ข่าวเศรษฐกิจ จากการสำรวจมาร์เก็ตแคปสูงสุด 12 หลักทรัพย์ จะต้องแต่ว่าเปิด IPO มาจนกระทั่งในเดี๋ยวนี้ GULF มาวิน มาร์เก็ตแคปพุ่ง 595,457.36 ล้านบาท เทียบเคียง IPO 95,998.50 ล้านบาท +520.27%
ความรุนแรง ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนระอุคงจะหนีไม่พ้น “ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง” ที่เปลี่ยนเป็นหัวข้อฮอตที่สุดในระยะเวลานี้ ข้างหลังคณะกรรมการดูแลธุรกิจพลังงาน (กกพ.) ลงความเห็นปรับขึ้นค่าไฟเปลี่ยนอัตโนมัติ หรือ Ft ถึงแม้ว่าเงินลงทุนปิโตรเลียมสำหรับในการผลิตกระแสไฟฟ้ามีลัษณะทิศทางปรับพฤติกรรมน้อยลงก็ตาม อย่างไรก็ดี หุ้นกรุ๊ปที่ได้รับผลจากการบวกอาจจะหนีไม่พ้น หุ้นกรุ๊ปโรงไฟฟ้า ซึ่ง กรุงเทวดาธุรกิจ ได้ตรวจหุ้นกรุ๊ปดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว ที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด 12 หลักทรัพย์ ว่าจำต้องแต่ว่าเปิด IPO มาจนกระทั่งในปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนไปๆมาๆกน้อยเพียงใด

แนะนำข่าวเศรษฐกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย :  สนามบินนำ ‘ของเหลว’ ขึ้นเครื่องได้แล้ว? เปิดเหตุผลบางสนามบินไร้กฎพกของเหลว

“ตรุษจีน” ท่องเที่ยวสะพัด 2 หมื่นล้าน ทัวริสต์ต่างชาติ 19-27 ม.ค. เฉียด 6 แสนคน

ช่วงเทศกาล “ตรุษจีน 2566” การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวจากตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศมีความคึกคักมากขึ้นจากปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้เกิดรายได้รวมประมาณ 21,296 ล้านบาท ฟื้นตัว 48% จากปี 2562

 

ข่าวเศรษฐกิจ  ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า สำหรับ “ตลาดต่างประเทศ” ในช่วงเทศกาลตรุษจีน 2566 ระหว่างวันที่ 19-27 ม.ค. รวม 9 วัน คาดว่าภาพรวมจะมีจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทยประมาณ 588,900 คน เพิ่มขึ้น 1,622% เมื่อเทียบกับช่วงตรุษจีนปีที่ผ่านมา โดยคิดเป็นการฟื้นตัว 41% ของจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงตรุษจีนปี 2562 คาดสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 16,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,759% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และฟื้นตัว 44% จากปี 2562ทั้งนี้ ประเมินแนวโน้มการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก (รวมเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและอาเซียน) คาดว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ จะมีจํานวนนักท่องเที่ยวราว 332,500 คน เพิ่มขึ้น 9,174% เมื่อเทียบกับช่วงตรุษจีนปีที่ผ่านมา คิดเป็นการฟื้นตัว 33% ของช่วงตรุษจีนปี 2562 และสร้างรายได้ประมาณ 11,119 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,575% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นการฟื้นตัว 41% ของปี 2562 โดยตลาดที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวในช่วงตรุษจีน ได้แก่ เกาหลีใต้ เวียดนาม และมาเลเซีย เนื่องจากมีวันหยุดในช่วงเทศกาลตรุษจีนติดต่อกันราว 3-5 วันและหากพิจารณาเฉพาะ “นักท่องเที่ยวจีน” ที่เป็นตลาดหลักเดินทางเข้าไทยในช่วงตรุษจีนปีนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางเข้ามาราว 29,400 คน เพิ่มขึ้น 3,738% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นการฟื้นตัว 7% ของจํานวนนักท่องเที่ยวจีนช่วงตรุษจีนปี 2562 และสร้างรายได้ประมาณ 1,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,968% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนในช่วงตรุษจีนปี 2562“ในปี 2566 จํานวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนในช่วงตรุษจีนฟื้นตัวกลับมาในอัตราที่ไม่สูงมากนัก แม้มีปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางต่างประเทศได้ ด้วยการยกเลิกมาตรการกักตัวขาเข้า ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 เป็นต้นไป”หลังจากรัฐบาลจีนจํากัดการเดินทางระหว่างประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19ภายในประเทศมานานเกือบ 3 ปี เนื่องจากมีปัจจัยที่เป็นอุปสรรคหลัก ได้แก่1.จํานวนเที่ยวบินระหว่างไทยและจีน ของสายการบินทั้งในไทยและจีนไม่สามารถฟื้นตัวได้ทัน และไม่เพียงพอที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย2. นักท่องเที่ยวจีนต้องใช้เวลาในการทําหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ฉบับใหม่ และการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย3.รัฐบาลจีนยังไม่อนุญาตให้บริษัทนําเที่ยวขายแพ็คเกจทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากภาพรวมแล้วพบว่ามีปัจจัยสนับสนุนการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ได้แก่ จํานวนเที่ยวบินเข้าไทยในเดือน ม.ค.2566 มีเที่ยวบินเข้าไทยรวม 11,515 เที่ยวบิน และมีจำนวนที่นั่งบินเข้าไทยรวม 2.7 ล้านที่นั่ง ขยายตัว 7% เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.2565 โดยภูมิภาคที่มีจํานวนเที่ยวบินและที่นั่งบินเข้าไทยสูงสุด 3 แรก คือ อาเซียน เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และเอเชียใต้

ตรุษจีน 1

ส่วนตลาดจีน หลังจากนักท่องเที่ยวจีนได้รับอนุญาตให้เดินทางต่างประเทศได้ ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 เป็นต้นไป

ข่าวเศรษฐกิจ  นักท่องเที่ยวจีนสามารถขอทําพาสปอร์ต ขอวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยว และไม่ต้องกักตัวขากลับเข้าจีนหลังมาเที่ยวไทยนั้น พบว่าในเดือน ม.ค. มีจํานวนเที่ยวบินจากจีนเข้าไทยช่วงเทศกาลตรุษจีนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีเที่ยวบินรวม 234 เที่ยวบินและมีที่นั่งบินรวม 48,249 ที่นั่งโดยเที่ยวบินทั้งหมดมาจาก 15 เมืองในจีนเข้าสู่เมืองท่องเที่ยวหลักของไทย คือกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต โดยจำนวนเที่ยวบินในช่วงครึ่งเดือนหลัง ตั้งแต่วันที่ 16-31 ม.ค. ซึ่งตรงกับช่วงตรุษจีน มีจำนวนเที่ยวบินเฉลี่ย 11 เที่ยวบินต่อวัน และมีจำนวนที่นั่งประมาณ 2,000 ที่นั่งต่อวัน ปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากช่วงครึ่งเดือนแรก (1-15 ม.ค.) ซึ่งมี 4 เที่ยวบินต่อวัน และมีจำนวนที่นั่งเฉลี่ยประมาณ 1,000 ที่นั่งต่อวันทั้งนี้ ไทยยังครอง “อันดับ 1” ประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2566 จากการรายงานของ Trip.com (Ctrip) แพลตฟอร์ตออนไลน์ด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของจีน พบว่า “วันหยุดยาวต่อเนื่องกัน 7 วันในช่วงเทศกาลตรุษจีน ตั้งแต่วันที่ 21-27 ม.ค.” และ “การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนเดินต่างประเทศได้อย่างเสรี” เป็น 2 ปัจจัยสนับสนุนหลักที่กระตุ้นให้เกิดการเดินทางต่างประเทศในช่วงตรุษจีนปี 2566 และการเดินทางไปต่างประเทศของนักท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้น 540% เมื่อเทียบกับตรุษจีนปี 2565ตามรายงานของ Trip.com ระบุด้วยว่าภาพรวมยอดการจองการเดินทาง (Overall Travel Bookings) ของนักท่องเที่ยวชาวจีนไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียน ขยายตัวถึง 1,026%และยอดการจองบัตรโดยสารเครื่องบิน (Air Ticket Bookings) จากจีนไปยังในภูมิภาคอาเซียน ขยายตัวถึง 864% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยประเทศปลายทางยอดนิยมในภูมิภาคอาเซียน 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันหยุดตรุษจีนปี 2566 ได้แก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย กัมพูชา และอินโดนีเซีย ตามลำดับอีกปัจจัยคือ “ประเทศคู่แข่งหลัก” ด้านการท่องเที่ยวของไทยในตลาดจีนกําหนด “มาตรการขาเข้าประเทศสําหรับนักท่องเที่ยวจีน” อาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนจุดหมายการเดินทางมายังประเทศในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น รวมถึงประเทศไทยโดยข้อมูลล่าสุด ณ เดือน ม.ค.2566 มีมากกว่า 10 ประเทศออกมาตรการขาเข้าประเทศสําหรับนักท่องเที่ยวจีน อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ไต้หวัน สหรัฐ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี ออสเตรเลีย แคนาดา และ อิสราเอล โดยมาตรการส่วนใหญ่กําหนดให้นักท่องเที่ยวจีน หรือ มาจากประเทศจีน ต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ หรือตรวจหาเชื้อโควิดเมื่อถึงสนามบิน

แนะนำทันข่าวเศรษฐกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย :  แกร็บ หนุนรายย่อย-ร้านเล็กต่อยอดธุรกิจ ขยายวงเงินสินเชื่อร้านอาหารสูงสุด 5 แสนบาท

ต่างชาติช้อปหุ้นไทย 1.78 หมื่นล้าน ไล่ซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ – ไฟแนนซ์

ต่างชาติซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง 17,815 ล้านบาท ไล่เก็บหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ แบงก์ และเทคโนโลยี “บล.กสิกรไทย “คาดสัปดาห์นี้ ดัชนี SET แกว่ง 1,650-1,710 จุด จับตางบ Q4/65

 

 ข่าวเศรษฐกิจ  รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) การซื้อขายหุ้นไทยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 9-13 ม.ค.66) แยกตามกลุ่มนักลงทุน นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 10,480.36 ล้านบาท ( มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปี 1-13 ม.ค.66 ซื้อสุทธิ 17,815.09 ล้านบาท ) สถาบันในประเทศขายสุทธิ 6,294.33 ล้านบาท (มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปี ขายสุทธิ 10,044.73 ล้านบาท ) บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 1,885.42 ล้านบาท ( มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปี ซื้อสุทธิ 1,595.57 ล้านบาท ) นักลงทุนในประเทศ (รายย่อย) ขายสุทธิ 6,071.45 ล้านบาท มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปี ขายสุทธิ 9,365.93 ล้านบาท ) รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET ปิดวันสุดท้ายของสัปดาห์ (13 ม.ค. 66 ) ยืนที่ระดับ 1,681.73 จุด เพิ่มขึ้น 0.47% จากสัปดาห์ก่อนหน้า มูลค่าการซื้อขาย 392,633.10 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 78,526.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.53% จากสัปดาห์ก่อน

ต่างชาติช้อปหุ้นไทย 6

โดยดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ จากความคาดหวังว่าเฟดจะชะลอขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ย

 ข่าวเศรษฐกิจ ประกอบกับมีแรงหนุนจากแรงซื้อต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ แบงก์ และเทคโนโลยี อย่างไรก็ดี หุ้นไทยแกว่งตัวอิงขาลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ หลังจากตอบรับปัจจัยบวกไปพอสมควรทั้งประเด็นทิศทางดอกเบี้ยของเฟด และการเปิดประเทศของจีน ประกอบกับเผชิญแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการขายทำกำไรของกองทุนลดหย่อนภาษีที่ครบกำหนด หุ้นไทยสัปดาห์นี้ คาดดัชนีแกว่ง 1,650-1,710 จุดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (16 – 20 ม.ค.66 ) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,670 และ 1,650 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,700 และ 1,710 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 4/65 ของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิดในจีนส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. ตลอดจนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ ดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค. ของญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค. ของยูโรโซน รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธ.ค. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

แนะนำข่าวเศรษฐกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ข่าวดีชาวนา เงินส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวด 14 เข้าบัญชี 18 ม.ค.นี้

 

ดอลล่าร์ร่วงลงข้ามคืน เงินฟอนด์ร่วงจากข้อมูลการค้าปลีกที่อ่อนแอ

ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงในการซื้อขายช่วงต้นของตลาดยุโรปวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ โดยคืนกำไรที่แข็งแกร่งจากช่วงก่อนหน้า ขณะที่เทรดเดอร์พิจารณาผลกระทบที่มาจากการกระชับการเงินของธนาคารกลางใหญ่ ๆ หลายแห่งเมื่อเวลา 03:25 น. ET (08:25 GMT) ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งติดตามค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับกลุ่มสกุลเงินอื่นอีก 6 สกุล ลดลง 0.1% เป็น 104.123 หลังจากพุ่งขึ้น 0.9% ในชั่วข้ามคืน ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ ปลายเดือนกันยายนธนาคารกลางยุโรปได้ตามนโยบายการเงินของ เฟด ในวันพฤหัสบดี โดย ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ และ ธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์ และอื่น ๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐานนอกจากนี้ เมื่ออัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ธนาคารกลางจึงส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคตโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คริสตีน ลารการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่าจากข้อมูลปัจจุบัน เธอคาดว่าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 50 จุดพื้นฐานในการประชุมครั้งต่อไปของ ECB ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ “และอาจเป็นไปได้ในครั้งต่อไป และ อาจจะหลังจากนั้นอีกครั้ง”สิ่งนี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจที่บอบช้ำจะดำเนินต่อไปในปี 2023 ดังนั้นเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจึงได้รับแรงหนุนจากความกลัวที่ว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า

ดอลล่าร์ร่วงลงข้ามคืน

สถานการณ์ท่าทีที่ ‘ความเสี่ยงที่ลดลง’ นี้หายไปเล็กน้อยในช่วงเซสชั่นวันศุกร์

ข่าวเศรษฐกิจ  แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะถูกจำกัดโดยเทรดเดอร์ที่รอการเปิดตัวข้อมูล PMI ของยูโรโซน ในช่วงต่อไปEUR/USD เพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 1.0631 ดีดตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากลดลง 0.5% ในวันพฤหัสบดีธนาคารเพื่อการลงทุน JPMorgan ได้เพิ่มการคาดการณ์ในวันพฤหัสบดีว่าอัตราดอกเบี้ยของยูโรโซนจะสูงขึ้นเป็น 3.25% จาก 2.50% หลังจากการประชุมของธนาคารกลางยุโรปGBP/USD ลดลง 0.1% เป็น 1.2164 หลังจากร่วงลง 2% ในวันก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.การฟื้นตัวของค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงได้รับผลกระทบจากข้อมูล ยอดค้าปลีก ล่าสุดของสหราชอาณาจักร ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายอดขายลดลงเป็นครั้งที่สามในรอบสี่เดือนในเดือนพฤศจิกายน โดยลดลง 0.4% จากเดือนตุลาคม และลดลง 5.9% ในปีนี้USD/JPY ลดลง 0.5% แตะ 137.09 โดยได้ข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจโดยรวมในประเทศสามารถขยายตัวได้ในเดือนธันวาคมพยุงไว้ และมีความแข็งแกร่งในภาคการบริการ ที่ได้ชดเชยการชะลอตัวใน ภาคอุตสาหกรรมสกุลเงิน AUD/USD ลดลง 0.1% เป็น 0.6694 ซึ่งทรงตัวหลังจากร่วงลง 2.4% ในชั่วข้ามคืน ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในหนึ่งวันนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ขณะที่ USD/CNY ขยับลงเป็น 6.9709 โดยเทรดเดอร์ชั่งใจระหว่างการมองโลกในแง่ดีต่อการเปิดเศรษฐกิจในประเทศในที่สุด และความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยโควิด19 ที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ดอลล่าร์ร่วงลงข้ามคืน เงินฟอนด์ร่วงจากข้อมูลการค้าปลีกที่อ่อนแอ

แนะนำข่าวเศรษฐกิจ  อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ดอลล่าร์ร่วงลงข้ามคืน เงินฟอนด์ร่วงจากข้อมูลการค้าปลีกที่อ่อนแอ

“ไทย-สปป.ลาว” ถกความร่วมมือคมนาคมทุกมิติ “เชื่อมรถไฟความเร็วสูง”

รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมไทย-สปป.ลาว คืบหน้า แม้ว่าจะอยู่ในระหว่างการปรึกษาของหน่วยงานระดับกระทรวง โดยมองเห็นด้วยกันปรับปรุงความร่วมแรงร่วมมือในทุกมิติ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ พร้อมทั้ง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นตัวแทนรัฐบาลไทย ร่วมปรึกษาหารือและขอคำแนะนำกับฝ่ายลาว (สปป.ลาว) มีนายเวียงสะหวัด สีพันดอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและก็ขนส่ง พร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวโยงกับด้านการพัฒนาเชื่อมโยงการขนส่ง การค้าขายการลงทุนของ สปเปรียญลาว เกี่ยวกับแผนการเชื่อมต่อรางรถไฟ ตอนจังหวัดหนองคาย – เวียงจันทน์ วันหลังการปรึกษาขอคำแนะนำ นายอนุทิน กล่าวว่า การสัมมนาร่วมกับกระทรวงโยธาธิการและก็ขนส่ง สปเปรียญลาว ในคราวนี้ เป็นการสัมมนาสำคัญที่ทั่วประเทศไทย รวมทั้งสปป.ลาว ได้เห็นด้วยด้วยกันสำหรับการยกฐานะความเกี่ยวเนื่องระหว่างกันให้เป็น “หุ้นส่วนที่มีความสำคัญในการรบเพื่อการเติบโตรวมทั้งการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อก้าวไปด้านหน้าร่วมกันอย่างมุ่งมั่นแล้วก็จีรังยั่งยืน

รัฐบาลไทยมีความตั้งอกตั้งใจที่จะทำให้การเชื่อมต่อรางรถไฟระหว่างจังหวัดหนองคายรวมทั้งเวียงจันทน์ กำเนิดผลดีสูงสุดต่อทั้งคู่ประเทศ ตลอดจนช่วยเหลือความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ และก็การเชื่อมต่อระบบขนส่งขนส่งอย่างมีระบบ ทั้งยังจะช่วยสนับสนุนความเชื่อมโยงอันดีระหว่างสามัญชนทั้งคู่ประเทศให้มั่นคงเพิ่มขึ้น สำหรับในการสัมมนาในคราวนี้ทั้งสองฝ่ายได้ด้วยกันปรึกษาอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะมีประโยชน์สำหรับทั้งคู่ประเทศ ก็เลยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวของทั้งสองฝ่ายนำผลของการปรึกษาไปปฏิบัติเพื่อการเชื่อมต่อเครือข่ายการติดต่อสื่อสารมีความก้าวหน้ารวมทั้งเป็นผลผลดีสูงสุดสุดด้วยกัน โดยยิ่งไปกว่านั้นการวิวัฒนาการติดต่อประสานงานด้วยกันอย่างใกล้ชิดเพื่ออาเซียนเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน รวมทั้งมั่นใจว่าอาเซียนที่มีความมั่นคงรุ่งเรืองจะเป็นอาเซียนที่มีพลังแล้วก็สามารถมีหน้าที่สำคัญในหัวข้อระหว่างชาติ ซึ่งส่งผลต่อความสงบ เสถียรภาพ รวมทั้งความเจริญก้าวหน้าของภูมิภาคนี้ถัดไป

เศรษฐกิจ7-10-65

ด้านนายศักดิ์สยาม พูดว่า ตามแผนที่มีความสำคัญในการรบชาติ 20 ปี ของรัฐบาลที่เน้นการผลิตความรู้ความเข้าใจสำหรับการแข่งเพื่อเมืองไทยสามารถปรับปรุงไปสู่การเป็นฐานเศรษฐกิจที่อนาคต ผ่านการพัฒนาองค์ประกอบเบื้องต้น อุปกรณ์สำหรับอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งขนส่งและก็การค้าขาย รวมทั้งการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ รวมทั้งการกำหนดกลไกสำหรับในการควบคุมดูแลการประกอบกิจการขนส่งที่มีคุณภาพ รวมทั้งโปร่งใส ช่วงวันที่ 13 เดือนมิถุนายน 2565 กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้นายอธิเมือง รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยการติดต่อ รวมทั้งภาควิชาร่วมปรึกษาหารือและขอคำแนะนำเกี่ยวกับแผนการเชื่อมต่อรางรถไฟ ตอนจังหวัดหนองคาย – เวียงจันทน์ในสปเปรียญลาว โดยกระทรวงคมนาคมตระหนักถึงจุดสำคัญของโครงงานเชื่อมโยงเครือข่ายรางรถไฟ ไทย – ลาว – จีน เพื่อรองรับการเดินทางรวมทั้งขนส่งระหว่างชาติ และก็นับว่าเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาในระดับอนุภูมิภาคและก็ภูมิภาคที่จีรังยั่งยืน ที่จะสร้างช่องทางให้ทั้งคู่ประเทศสำหรับการผลักดันการขยายตัวทางด้านอุตสาหกรรม การกสิกรรม การค้าขาย การลงทุนและก็บริการ รวมทั้งช่วยเพิ่มความสามารถแล้วก็จังหวะการแข่งขันชิงชัยในเวทีการค้าขายโลก

ในช่วงเวลานี้ข้างไทยได้มีแผนสำหรับการเตรียมตัวเพื่อรองรับการเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟจังหวัดหนองคายไปยังสถานีรถไฟเวียงจันทน์ ด้วยการพัฒนาสถานีรถไฟจังหวัดหนองคาย ให้สามารถรองรับการขนส่งผลิตภัณฑ์ผ่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 1 ได้ ซึ่งการปรึกษาด้วยกันในวันนี้ เป็นนิมิตหมายอันดีที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงด้วยกันที่จะปรับปรุงและก็ปรับแต่งความร่วมแรงร่วมใจด้านการติดต่ออีกทั้ง 4 มิติ เพื่อที่การเชื่อมต่อเครือข่ายการติดต่อสื่อสารด้วยกันระหว่างสองประเทศจะมีความก้าวหน้าและก็ไปถึงเป้าหมาย ดังที่หัวหน้าของทั้งสองฝ่ายได้เห็นด้วยด้วยกัน เพื่ออนาคตบุตรหลานของประชากรทั้งคู่ประเทศให้สุขสบาย เอามาสู่ความมั่นคงและยั่งยืน ร่ำรวย แล้วก็ยืนนานด้วยกันถัดไป สำหรับในการบูรณาการการเชื่อมต่อรางรถไฟระหว่างไทย ลาว แล้วก็จีน มีแผนสำหรับการทำงานเชื่อมโยงรางรถไฟระหว่างไทย ลาว แล้วก็จีน มีเนื้อหา ดังต่อไปนี้

แนวทางก่อสร้างของรฟท. (การรถไฟแห่งประเทศไทย) เนื้อหาดังต่อไปนี้

  • โครงงานรถไฟฟ้าความเร็วสูงระยะที่ 1 ตอนจ.กรุงเทพฯ – จังหวัดโคราช ปัจจุบันนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าเปิดให้บริการปี 2569
  • โครงงานรถไฟฟ้าความเร็วสูงระยะที่ 2 ตอนจังหวัดโคราช – จังหวัดหนองคาย อยู่ระหว่างปรับปรุงแก้ไขรายงาน EIA คาดว่าเปิดให้บริการปี 2571
  • แผนการรถไฟทางคู่ตอนขอนแก่น – จังหวัดหนองคาย ระยะทางโดยประมาณ 167 กิโล สถานีทั้งผอง 15 สถานี คาดว่าจะสามารถพรีเซนเทชั่นต่อคณะรัฐมนตรีในปี 2565

การจัดการจัดแจงใช้รางรถไฟรวมทั้งการใช้สะพาน

  • การจัดการจัดแจงสะพานเดิมระหว่างคอยการก่อสร้างสะพานที่ใหม่ โดยเพิ่มขบวนรถขาไป 7 ขบวนและก็เที่ยวกลับ 7 ขบวน รวม 14 ขบวน รองรับขบวนละ 25 แคร่ โดยกรมทางหลวง (ทลิตร) กระทำการทดลองการรับน้ำหนักรถไฟ ในระดับ U–20 เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของสะพาน
  • การก่อสร้างสะพานผ่านแม่น้ำโขงที่ใหม่ ใกล้กับสะพานเดิมที่มีอยู่ ห่างโดยประมาณ 30 เมตร มีอีกทั้งรางรถไฟขนาดมาตรฐาน รวมทั้งทางขนาด 1 เมตร ปัจจุบันนี้ได้กติกาว่าข้างไทยรวมทั้งข้างลาวจะร่วมลงทุนค่าใช้สอยด้วยกันในเขตแดนของแต่ละข้าง โดยกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้กรมทางหลวงปฏิบัติงานดีไซน์สะพานรถไฟผ่านแม่น้ำโขงที่ใหม่ให้สามารถรองรับรถยนต์ด้วย ทลิตร ได้ปรับการจัดการออกเป็น 2 ระยะ ดังต่อไปนี้
    ระยะที่ 1 การเรียนความเหมาะสมของแผนการ (Feasibility Study : FS Study) รวมทั้งรายงานผลพวงสภาพแวดล้อมพื้นฐาน (Initial Environmental Examination: IEE)

ระยะที่ 2 งานวางแบบเนื้อหา (Detailed Design) และก็งานศึกษาเล่าเรียนทวนผลพวงสภาพแวดล้อม (EIA)ซึ่งในตอนนี้ ทลิตร ได้ประกาศร่างขอบเขตของงาน (Terms of Reference : TOR ) สำหรับในการศึกษาเล่าเรียนความเหมาะสมแล้วก็ความน่าจะเป็นไปได้ของแผนการ

การพัฒนาเขตเคลื่อนย้ายสินค้า

วิถีทางปรับปรุงเขตขนย้ายสินค้าของฝั่งไทย – ลาว เพื่อเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อสำหรับเพื่อการขนส่งผลิตภัณฑ์ข้ามถิ่นผ่านรางรถไฟตอนจังหวัดหนองคาย – เวียงจันทน์ แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังต่อไปนี้

  • ระยะเร่งด่วน : การพัฒนาเขตสถานีจังหวัดหนองคายเป็นหลักที่ปลูกถ่ายผลิตภัณฑ์ การเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดทางรถไฟจีน – ลาว โดยมีการปรับปรุงสถานีจังหวัดหนองคายให้รองรับการขนส่งผ่านสะพานเดิม โดยเพิ่มรถไฟ จาก 4 ขบวนต่อวัน เป็น 14 ขบวนต่อวัน และก็เพิ่มจากขบวนละ 12 แคร่ เป็น 25 แคร่ โดยปรับปรุงรอบๆสถานีที่มีพื้นที่โดยประมาณ 80 ไร่ ให้เป็นหลักที่ตรวจปลดปล่อยผลิตภัณฑ์ระหว่างชาติ รวมทั้งการเปลี่ยนถ่ายจากถนนหนทางสู่ราง โดย การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ปรับแต่งพื้นที่รอบๆลานชูขนสินค้าเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ดังนี้ ศก.ดำเนินงานขอออกประกาศใช้พื้นที่รอบๆสถานีจังหวัดหนองคายเป็นหลักที่ตรวจปลดปล่อย ปริมาณ 46,800 ตารางเมตร โดย การรถไฟแห่งประเทศไทย อยู่ระหว่างไตร่ตรองแบ่งแยกพื้นที่หลงเหลืออยู่ จากการใช้เป็นหลักที่ตรวจปลดปล่อยออกเป็น 5 แปลง พื้นที่แปลงละ 11,200 ตารางเมตร เพื่อออกประกาศเชื้อเชิญ ปริมาณ 4 แปลง และก็กันไว้เป็นหลักที่ศูนย์กลาง 1 แปลง โดยจะกำหนดราคาค่าใช้จ่ายสำหรับเช่าตามกฎระเบียบถัดไป
  • ระยะยาว : การพัฒนาพื้นที่ท้องนาทาเพื่อเป็นศูนย์ปลูกถ่ายผลิตภัณฑ์และก็บริเวณกองเก็บตู้ผลิตภัณฑ์ (เพื่อรองรับการขนส่งผลิตภัณฑ์ในอนาคต) ปรับปรุงพื้นที่บริเวณสถานีรถไฟท้องนาทา จังหวัดหนองคาย ให้สามารถรองรับการขนส่งจากจีน – ลาว และก็ส่งออกไปยัง สปเปรียญลาว เดี๋ยวนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย อนุมัติให้จ้างจุฬาลงแขนณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาแผนการศึกษาเล่าเรียนและก็พินิจพิจารณาการให้เอกชนร่วมลงทุนในธุรกิจการค้าของเมือง แผนการศูนย์ปลูกถ่ายผลิตภัณฑ์แล้วก็บริเวณกองเก็บตู้ผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับการขนส่งทางรางจังหวัดหนองคาย โดยคาดว่าจะเล่าเรียนเสร็จในปี 2565